เปลี่ยนผู้รับผลประโยชน์
การเปลี่ยนผู้รับผลประโยชน์ประกันชีวิต เป็นเรื่องที่เราเชื่อว่าหลายคนในปัจจุบันนี้ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก เพราะมีคงสงสัยกันว่าหากต้องการเปลี่ยนชื่อผู้รับผลประโยชน์ประกันชีวิต จะสามารถทำได้หรือไม่ จะมีวิธีการที่ยุ่งยากหรือไม่ ในบทความนี้ Meprakan จะพาคุณไปทำความรู้จักกับ การเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้รับผลประโยชน์จากประกันชีวิตให้มากขึ้นว่าสามารถทำได้หรือไม่ ทำเรื่องได้ตอนไหนบ้าง มีวิธีการดำเนินการอย่างไร ควรเปลี่ยนชื่อผู้รับผลประโยชน์เป็นใคร ต้องใช้เอกสารอะไรบ้าง
เปลี่ยนผู้รับผลประโยชน์ประกันชีวิต ทำได้หรือไม่
สำหรับการเปลี่ยนแปลงผู้รับผลประโยชน์ประกันชีวิต ทำได้หรือไม่ เชื่อว่าหลายคนในปัจจุบันนี้ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก ซึ่งการเปลี่ยนผู้รับผลประโยชน์จากประกันชีวิตนั้นสามารถทำได้ตลอดระยะเวลาที่กรมธรรม์มีผลบังคับคุ้มครองอยู่ ผู้เอาประกันสามารถเปลี่ยนชื่อผู้รับผลประโยชน์ได้เมื่อต้องการ
คลิกอ่านเพิ่มเติม : 7 ขั้นตอนการทำประกันชีวิต ต้องทำอย่างไร ให้ได้ผลประโยชน์ครบถ้วนและรวดเร็วที่สุด
เปลี่ยนผู้รับผลประโยชน์ ทำเรื่องตอนไหนได้บ้าง
ในการเปลี่ยนแปลงชื่อผู้รับผลประโยชน์ จะสามารถดำเนินการได้ตลอดเวลาที่กรมธรรม์มีผลบังคับอยู่ โดยจะขึ้นอยู่กับการพิจารณาของทางบริษัทประกันชีวิต ซึ่งสำหรับคนที่ต้องการเปลี่ยนชื่อผู้รับผลประโยชน์นั้นก็สามารถทำได้ในหลายกรณี เช่น ผู้รับผลประโยชน์เสียชีวิต ต้องการให้กรมธรรม์มีผู้รับผลประโยชน์มากกว่า 1 คน
แจ้งเปลี่ยนผู้รับผลประโยชน์ ต้องดำเนินการอย่างไร
1.ในการดำเนินการขั้นตอนแรกจะต้องทำการเตรียมแบบฟอร์มในการแจ้งขอเปลี่ยนแปลงความประสงค์หรือแก้ไขข้อมูลผลประโยชน์ตามสัญญาประกันชีวิต
2.เตรียมสำเนาบัตรประจำตัวประชาชนพร้อมกับต้องมีการเซ็นลงนามสำเนาถูกต้อง
3.เตรียมเอกสารทางราชการต่าง ๆ เช่น สำเนาทะเบียนบ้านของผู้รับผลประโยชน์ที่ต้องการขอเปลี่ยนแปลง ทะเบียนสมรส พร้อมกับเซ็นลงนามสำเนาถูกต้อง
ควรเปลี่ยนชื่อผู้รับผลประโยชน์ประกันชีวิตเป็นใคร
สำหรับการทำประกันชีวิต ก็จะต้องมีการใส่ชื่อผู้รับผลประโยชน์จากประชีวิต ซึ่งการใส่ชื่อผู้รับผลประโยชน์นั้นสามารถใส่ชื่อใครก็ได้ โดยทางที่ดีก็ควรเลือกใส่ชื่อคนที่มีความสัมพันธ์กับตนเอง ดังนี้
- คนรัก เช่น สามี ภรรยา คู่หมั้น แฟน แต่สำหรับคู่รักที่ไม่ได้มีการจดทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย ก็จะต้องแสดงหนังสือรับรองความสัมพันธ์ระหว่างผู้เอาประกันและผู้รับผลประโยชน์ให้กับบริษัทประกัน
- คนในครอบครัว เป็นกลุ่มคนที่ควรเลือกให้ได้รับผลประโยชน์จากประกันชีวิตมากที่สุด แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็จำเป็นต้องพิจารณาเลือกปัจจัยอื่นเพิ่มเติม เช่น อายุ ณ วันที่มีการทำประกัน อายุของกรมธรรม์ วันสิ้นสุดกรมธรรม์ อาชีพ และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้น
- คนที่มีความสัมพันธ์ทางธุรกิจ เป็นบุคคลที่ไม่ได้มีความสัมพันธ์กับผู้ทำประกันชีวิตทางสายเลือด แต่หากผู้เอาประกันเสียชีวิตจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจหรือกิจการได้นั่นเอง
เปลี่ยนผู้รับผลประโยชน์ประกันชีวิต ใช้เอกสารอะไรบ้าง
เอกสารที่ต้องใช้เมื่อต้องการเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้รับผลประโยชน์จากประกันชีวิต จะใช้เอกสารไม่มากนัก โดยจะต้องใช้เอกสารคำร้องขอเปลี่ยนแปลงกรมธรรม์ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาทะเบียนบ้านที่มีชื่อผู้รับผลประโยชน์จากประกันชีวิตที่ขอเปลี่ยนแปลง พร้อมกับรับรองสำเนาถูกต้อง
ซึ่งเอกสารเหล่านี้เรียกได้ว่าจำเป็นอย่างมาก หากคุณต้องการจะทำการเปลี่ยนแปลงชื่อของผู้รับผลประโยชน์ จะต้องทำการเตรียมเอกสารพวกนี้ให้เรียบร้อยเพื่อความรวดเร็ว
ข้อควรระวังเกี่ยวกับการแก้ไขผู้รับผลประโยชน์ประกัน
สำหรับการแก้ไขรายชื่อผู้รับผลประโยชน์จากประกันชีวิตนั้น แน่นอนว่าจะต้องมีข้อควรระวังในการเปลี่ยนแปลงรายชื่ออยู่แล้ว โดยต้องบอกสาเหตุของการเปลี่ยนแปลงรายชื่อผู้รับผลประโยชน์ มีการระบุบอกความสัมพันธ์ของผู้รับผลประโยชน์ ว่ามีความเกี่ยวข้องอย่างไรกับผู้เอาประกัน
อีกทั้งหากผู้รับผลประโยชน์เกิดเสียชีวิตก่อน ก็จะต้องเปลี่ยนชื่อผู้รับผลประโยชน์ใหม่ เพราะหากไม่มีการแจ้งชื่อเข้าไปใหม่ ทางบริษัทประกันก็จะถือว่า ผู้เอาประกันยกให้กับกองมรดกแทน โดยจะเป็นไปตามลำดับทายาทของผู้เอาประกัน
ก็จะเห็นได้ว่าการเปลี่ยนแปลงชื่อผู้รับผลประโยชน์นั้นสามารถทำได้ตลอดเวลาที่กรมธรรม์ประกันชีวิตมีผลบังคับใช้ ในกรณีที่ผู้รับผลประโยชน์เสียชีวิตก่อนผู้เอาประกัน หากไม่มีการแจ้งรายชื่อผู้รับผลประโยชน์เข้ามาใหม่ บริษัทประกันก็จะถือว่าคุณยกเป็นกองมรดกให้กับทายาทแทน
สำหรับใครที่เริ่มมีการวางแผนอยากทำประกันชีวิตให้ตัวเองหรือคนที่คุณรัก ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีมาก ๆ เพราะหากมีทำประกันเอาไว้ ก็จะช่วยทำให้ผู้รับผลประโยชน์สามารถนำเงินที่ได้ไปตั้งหลักหรือปรับตัวได้เมื่อผู้ทำประกันเสียชีวิตได้
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นการทำประกันชีวิตนั้นเป็นเรื่องที่ไม่สามารถมองข้ามได้ คุณจึงควรพิจารณาเลือกทำประกันชีวิตกับบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือ มีความมั่นคงทางการเงินสูง สามารถทำงานได้อย่างเชี่ยวชาญและมีความเป็นมืออาชีพ รวมถึงมีความคุ้มครองที่ครอบคลุมตามความต้องการและตอบโจทย์คุณมากที่สุด