คนที่ทำประกันชั้น 1 แล้วรถหาย ถือเป็นเรื่องที่ไม่มีใครอยากให้เกิดขึ้นกับตนเอง แต่ในความโชคร้ายก็ยังมีความโชคดีอยู่บ้าง เพราะประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 นั้นให้ความคุ้มครองในกรณีรถยนต์สูญหาย ทำให้เบาใจไปได้หนึ่งระดับ แต่สำหรับหลาย ๆ คนก็อาจจะยังไม่ทราบข้อมูลในการทำประกันภัยรถยนต์มากนัก ดังนั้นบทความนี้ Meprakan จะพาคุณไปทำความรู้จักกับประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ให้มากขึ้นว่าเมื่อเกิดเหตุรถยนต์สูญหายจะได้รับความคุ้มครองเท่าไหร่ และต้องแจ้งเคลมอย่างไร
ประกันชั้น 1 รถหาย คุ้มครองหรือไม่
สำหรับคนที่มีการทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 เอาไว้ แล้วเกิดเหตุรถหาย หลายคนก็อาจจะเกิดข้อสงสัยกันไม่น้อยว่า ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ให้ความคุ้มครองหรือไม่ หากรถยนต์คันโปรดหายและไม่สามารถตามคืนกลับมาได้
ความจริงแล้ว.. บริษัทประกันภัยรถยนต์จะให้ความคุ้มครองโดยสามารถทำเรื่องเคลมได้ โดยประกันภัยรถยนต์ที่สามารถทำเรื่องเคลมเมื่อรถเกิดการสูญหายได้จะมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 แบบ คือ ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 และประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ หากเลือกทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 3 พลัส และประกันชั้น 3 ธรรมดา ก็จะไม่ได้รับความคุ้มครองในกรณีรถยนต์เกิดการสูญหายนั่นเอง
คลิกอ่านความคุ้มครองของประกันรถยนต์ประเภทต่าง ๆ
- ประกันชั้น 1 คุ้มครองอะไรบ้าง
- ประกันชั้น 2 คุ้มครองอะไรบ้าง
- ประกันชั้น 2 พลัส คุ้มครองอะไรบ้าง
- ประกันชั้น 3 คุ้มครองอะไรบ้าง
- ประกันชั้น 3 พลัส คุ้มครองอะไรบ้าง
ทำประกันรถยนต์ชั้น 1 รถหายคุ้มครองเท่าไหร่
เมื่อมีการทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 เอาไว้ และเกิดรถยนต์สูญหาย ทางบริษัทประกันภัยรถยนต์จะให้ความคุ้มครองรถยนต์ โดยคุณสามารถทำเรื่องเคลมได้สูงสุดประมาณ 80% ของราคารถยนต์ตามที่ทุนประกันรถยนต์ระบุไว้บนกรมธรรม์ซึ่งจะไม่สามารถทำเรื่องเคลมรถยนต์ในกรณีรถสูญหายได้แบบ 100% เนื่องรถยนต์ที่สูญหายได้ผ่านการใช้งานมาบ้าง ทำให้เกิดการสึกหรอเป็นเรื่องปกติ อีกทั้งยังต้องดูจำนวนปีของรถยนต์ที่ซื้อมาด้วยเช่นกัน เช่น รถยนต์ที่สูญหายมีราคา 800,000 บาท เมื่อเกิดการสูญหายจะได้ทุนประกัน 640,000 บาท นั่นเอง (800,000 x 80%)
คลิกอ่านเพิ่มเติม : ประกันชั้น 1 กับ ประกันชั้น 2+ และประกันชั้น 2 ธรรมดา แตกต่างกันอย่างไร แบบไหนคุ้มค่าที่สุด
มีประกันชั้น 1 รถหาย ต้องแจ้งเคลมประกันอย่างไร
1.แจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจทันที
หากรถยนต์สูญหาย หลายคนมักจะชอบตื่นตะหนกตกใจ จนลืมไปว่าสิ่งแรกที่ควรทำคือการแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้สืบค้นหรือติดตามรถยนต์ เมื่อทำการแจ้งความเสร็จเรียบร้อยแล้วก็อย่าลืมที่จะเก็บใบแจ้งความเอาไว้เป็นหลักฐานด้วย
โดยในใบแจ้งความนั้นจะต้องมีการระบุบอกรายละเอียดต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นลักษณะของรถยนต์ ทะเบียนรถยนต์ สี สถานที่ และเหตุการณ์ เพื่อเป็นประโยชน์กับเจ้าหน้าที่ตำรวจในการตามหารถยนต์นั่นเอง
2.เตรียมเอกสารในการแจ้งเคลม
ในขั้นตอนนี้คุณจะต้องทำการจัดเตรียมเอกสารต่าง ๆ เพื่อนำไปแจ้งเคลมกับบริษัทประกันภัยรถยนต์ ซึ่งจะต้องมีเอกสารดังนี้
- หมายเลขกรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์
- รายละเอียดผู้ทำประกัน เช่น ชื่อ เลขที่บัตรประชาชน ที่อยู่ที่สามารถติดต่อได้ ชื่อ-นามสกุลผู้ขับขี่รถยนต์คันที่สูญหาย สถานที่เกิดเหตุ หมายเลขทะเบียนรถยนต์ ประเภท ยี่ห้อหรือรุ่นของรถยนต์ สีของรถยนต์
- สำเนาบัตรประชาชนหรือพาสปอร์ตเจ้าของรถยนต์
- สำเนาใบแจ้งความและผลการดำเนินคดีจากเจ้าหน้าที่ตำรวจ
- สำเนามอบอำนาจจากธนาคารในกรณีที่รถยนต์ยังติดไฟแนนซ์
- กรมธรรม์และตารางกรมธรรม์ฉบับจริง
- แบบฟอร์มการขอโอนจากกรมขนส่งทางบก
- ตันฉบับในคู่มือจดทะเบียนรถยนต์และกุญแจรถยนต์ทุกดอก
3.ยื่นเคลมและรอผล
สำหรับขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการทำเรื่องเคลม เมื่อทำการเตรียมเอกสารครบแล้วให้คุณไปติดต่อเจ้าหน้าของบริษัทประกันภัยรถยนต์ เมื่อบริษัทประกันภัยรถยนต์ทราบเรื่องเกี่ยวการถูกโจรกรรม หากไม่สามารถนำรถยนต์กลับมาได้ ทางบริษัทจะทำเรื่องจ่ายเงินให้กับคุณทำจำนวนที่ถูกระบุไว้บนกรมธรรม์
ส่วนเจ้าของรถยนต์ก็จะต้องโอนกรรมสิทธิ์รถยนต์หายให้กับบริษัทเป็นการแลกกับเงินที่ชดเชยในการเคลม แต่หากบริษัทสามารถตามรถยนต์คืนกลับมาได้ ทางบริษัทก็จะทำการแจ้งไปให้คุณทราบ และจะต้องตัดสินใจว่าจะรับรถยนต์คืนและคืนเงินเคลมหรือสละสิทธิ์ในการรับรถยนต์ที่บริษัทตามกับมาได้
ก็จะเห็นได้ว่าการทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ถือเป็นเรื่องที่ดีเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังได้รับความคุ้มครองที่ครอบคลุมมากที่สุด สำหรับใครที่ต้องจอดรถยนต์ไว้นอกบ้าน หรือ บริเวณที่มีความเสี่ยงต่อการสูญหาย การเลือกทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ถือว่าตอบโจทย์เป็นอย่างมากเลยทีเดียว นอกจากนี้หากทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 แล้ว ก็อย่าลืมขับขี่รถยนต์ด้วยความไม่ประมาทกันด้วยนะคะ เพราะอุบัติเหตุหรือการสูญหายของรถยนต์สามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาจริง ๆ